การต่อสาย LAN
การต่อสายของระบบ LAN จะมีสองแบบหลักๆคือ Bus และ Star ถ้าจะต่อแบบประหยัดก็ใช้แบบ Bus เพราะไม่ต้องใช้ HUB แต่ว่าหากเครื่องในระบบมากอาจจะเกิดปัญหาจุกจิกได้ เนื่องจากสายหลุด หรือสายขาดเพียงจุดใดจุดหนึ่งก็จะทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด เราลองมาดูเลยว่าต่อยังไง
ระบบ Star เมื่อสายขาด หรือ หลุดเสียหายจะมีผลกระทบกับคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น
การต่อสายของระบบ LAN จะมีสองแบบหลักๆคือ Bus และ Star ถ้าจะต่อแบบประหยัดก็ใช้แบบ Bus เพราะไม่ต้องใช้ HUB แต่ว่าหากเครื่องในระบบมากอาจจะเกิดปัญหาจุกจิกได้ เนื่องจากสายหลุด หรือสายขาดเพียงจุดใดจุดหนึ่งก็จะทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้ทั้งหมด เราลองมาดูเลยว่าต่อยังไง
ระบบ Star เมื่อสายขาด หรือ หลุดเสียหายจะมีผลกระทบกับคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น
สาย
สายที่ใช้ในระบบ Bus จะเป็นสาย Coaxial คล้ายๆสายอากาศทีวี ส่วนสายในระบบ Star จะเป็นสาย UTP หรือเรียกแบบไทยๆว่าสายคู่ตีเกลียว จะมี 4 คู่ หรือนับทั้งหมดได้ 8 เส้น การต่อสายในกรณีใช้กับ HUB ดังรูป จะต่อสายแบบปกติ pin ต่อ pin ไม่มีการสลับ ส่วนการต่อแบบ Cross นั้นจะกล่าวต่อไปว่าใช้เมื่อไหร่อย่างไร การต่อแบบ Bus จะวุ่นวายกว่านิดหน่อย คือจะต้องมี T-Connector และ Terminator มาวุ่นวาย การต่อ ก็จะต่อดังรูป ให้นำ T-Connector ต่อกับการ์ด LAN ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวจากนั้นเครื่อง หัว-ท้าย ให้ ปิดด้วย Terminator เพื่อให่สัญญาณวนครบตลอดทั้งระบบ Bus
สายที่ใช้ในระบบ Bus จะเป็นสาย Coaxial คล้ายๆสายอากาศทีวี ส่วนสายในระบบ Star จะเป็นสาย UTP หรือเรียกแบบไทยๆว่าสายคู่ตีเกลียว จะมี 4 คู่ หรือนับทั้งหมดได้ 8 เส้น การต่อสายในกรณีใช้กับ HUB ดังรูป จะต่อสายแบบปกติ pin ต่อ pin ไม่มีการสลับ ส่วนการต่อแบบ Cross นั้นจะกล่าวต่อไปว่าใช้เมื่อไหร่อย่างไร การต่อแบบ Bus จะวุ่นวายกว่านิดหน่อย คือจะต้องมี T-Connector และ Terminator มาวุ่นวาย การต่อ ก็จะต่อดังรูป ให้นำ T-Connector ต่อกับการ์ด LAN ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกตัวจากนั้นเครื่อง หัว-ท้าย ให้ ปิดด้วย Terminator เพื่อให่สัญญาณวนครบตลอดทั้งระบบ Bus
ต่อแบบ 2 เครื่องโดยใช้สาย UTP การต่อแบบนี้จะใช้ได้แค่ 2 เครื่องเท่านั้นไม่สามารถขยายได้อีกเลยเพราะจะต้องใช้สาย UTP แบบ Cross เท่านั้น
สาย Cross สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และสาย Network ทั่วไป
สาย Cross สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์และสาย Network ทั่วไป
ต่อ Star ใช้ HUB หลายตัว การขยาย HUB เพื่อเพิ่ม Port ให้มากขึ้นกว่าเดิม จะมีการต่ออยู่สามสี่แบบคร่าวๆ ต่อไปนี้
1. HUB บางยี่ห้อมีตัวต่อพิเศษที่สามารถนำ HUB ยี่ห้อและรุ่นเดียวกันอีกตัวมาซ้อนทับได้เลยทันที
2. ถ้า HUB ที่มีหัว BNC (แบบที่ใช้ต่อสาย Coaxial) สามารถต่อเชื่อมกันด้วยสาย Coaxial จะได้ประหยัด Port
3. ถ้า HUB ที่ไม่มีหัว BNC จะมีช่องเสียบสาย UTP อยู่ 1 Port เขียนว่า UP-LINK ให้ใช้สาย UTP แบบธรรมดา (ไม่ใช่สาย Cross) เสียบช่อง UP-LINK และไปเสียบที่ช่องธรรมดา (ไม่ใช่ช่อง UP-LINK) ของอีก HUB นึง
4. ถ้าไม่มีช่อง UP-LINK ให้ใช้สายCross ต่อระหว่าง Port ใด Port หนึ่งก็ได้ระหว่าง HUB สองตัว
1. HUB บางยี่ห้อมีตัวต่อพิเศษที่สามารถนำ HUB ยี่ห้อและรุ่นเดียวกันอีกตัวมาซ้อนทับได้เลยทันที
2. ถ้า HUB ที่มีหัว BNC (แบบที่ใช้ต่อสาย Coaxial) สามารถต่อเชื่อมกันด้วยสาย Coaxial จะได้ประหยัด Port
3. ถ้า HUB ที่ไม่มีหัว BNC จะมีช่องเสียบสาย UTP อยู่ 1 Port เขียนว่า UP-LINK ให้ใช้สาย UTP แบบธรรมดา (ไม่ใช่สาย Cross) เสียบช่อง UP-LINK และไปเสียบที่ช่องธรรมดา (ไม่ใช่ช่อง UP-LINK) ของอีก HUB นึง
4. ถ้าไม่มีช่อง UP-LINK ให้ใช้สาย
อุปกรณ์
เนื่องจากการต่อLanมีหลายแบบและอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแตกต่างกันไปแต่ที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะแบบ BUS ซึ่งเป็นการต่อ Computer ทุกตัวกับ สาย Cable ตามแนวของสายCable[โดยใช้สายCoaxial] [เขาว่ากันว่าใช้ความยาวได้ถึง185 เมตร?]
ข้อดีของแบบ BUS ก็คือง่าย และ ประหยัด ทีนี้ก็เริ่มเลยครับว่าต้องใช้อะไรบ้าง
1.Lan Card เท่า จำนวนComputer ที่ต้องการต่อ จะเป็นแบบ PCI[เขาว่าเร็ว] หรือ ISAก็ได้ โดยให้มีขั้วต่อแบบ BNC ด้วย [เพราะบางCardจะมีเฉพาะRJ-45 ,บางอันมีครบ3อย่างคือมี AUI ด้วย]
2. T-Connectorเท่าจำนวน Lan Card , Terminator2 อัน [ 50 ohm] สำหรับปิดเครื่องหัว-ท้าย สำหรับTerminator ถ้าฉุกเฉินจริงๆ ก็ใช้ ความต้านทาน 50 ohm1/2 wattแทนไปก่อนก็ได้ครับ
3.สาย Coaxial RG 58 ซึ่งเป็นสาย 50 ohm [พร้อม BNC Connector ] จำนวนตามที่ต้องการต่อ [สายที่ใช้กับTV ใช้ไม่ได้นะครับ เพราะสาย TV เป็น สาย 75 ohm] ถ้าท่านพอจะมีความรู้ทางช่าง อยู่บ้าง จะซื้อสาย Coaxial กับ ขั้ว BNC มาต่อเองก็ได้ครับ
รูปแสดงการเชื่อมโยงระหว่างCom.ที่ขั้ว BNC
ในกรณีที่เราจะใช้ขั้วต่อที่ RJ-45 Connector ต้องใช้สาย UTP[ซึ่งเป็นสาย 100 ohm] [เห็นเขาว่ากันว่าใช้ความยาวระหว่างจุดได้ถึง 100 เมตร ?]
ความหมายแต่ละขาของRJ-45 Connector
วิธีการนับลำดับสาย
การต่อสายเข้ากับConnector ทั้ง 2 ปลายสาย แบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ
[1]ต่อตรงระหว่าง Computer 2 เครื่อง[ต่อได้แค่ 2 เครื่อง?] โดยไม่มี HUB
เนื่องจากการต่อLanมีหลายแบบและอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแตกต่างกันไปแต่ที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะแบบ BUS ซึ่งเป็นการต่อ Computer ทุกตัวกับ สาย Cable ตามแนวของสายCable[โดยใช้สายCoaxial] [เขาว่ากันว่าใช้ความยาวได้ถึง185 เมตร?]
ข้อดีของแบบ BUS ก็คือง่าย และ ประหยัด ทีนี้ก็เริ่มเลยครับว่าต้องใช้อะไรบ้าง
1.Lan Card เท่า จำนวนComputer ที่ต้องการต่อ จะเป็นแบบ PCI[เขาว่าเร็ว] หรือ ISAก็ได้ โดยให้มีขั้วต่อแบบ BNC ด้วย [เพราะบางCardจะมีเฉพาะRJ-45 ,บางอันมีครบ3อย่างคือมี AUI ด้วย]
2. T-Connectorเท่าจำนวน Lan Card , Terminator2 อัน [ 50 ohm] สำหรับปิดเครื่องหัว-ท้าย สำหรับTerminator ถ้าฉุกเฉินจริงๆ ก็ใช้ ความต้านทาน 50 ohm1/2 wattแทนไปก่อนก็ได้ครับ
3.สาย Coaxial RG 58 ซึ่งเป็นสาย 50 ohm [พร้อม BNC Connector ] จำนวนตามที่ต้องการต่อ [สายที่ใช้กับTV ใช้ไม่ได้นะครับ เพราะสาย TV เป็น สาย 75 ohm] ถ้าท่านพอจะมีความรู้ทางช่าง อยู่บ้าง จะซื้อสาย Coaxial กับ ขั้ว BNC มาต่อเองก็ได้ครับ
รูปแสดงการเชื่อมโยงระหว่างCom.ที่ขั้ว BNC
ในกรณีที่เราจะใช้ขั้วต่อที่ RJ-45 Connector ต้องใช้สาย UTP[ซึ่งเป็นสาย 100 ohm] [เห็นเขาว่ากันว่าใช้ความยาวระหว่างจุดได้ถึง 100 เมตร ?]
ความหมายแต่ละขาของRJ-45 Connector
วิธีการนับลำดับสาย
การต่อสายเข้ากับConnector ทั้ง 2 ปลายสาย แบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ
[1]ต่อตรงระหว่าง Computer 2 เครื่อง[ต่อได้แค่ 2 เครื่อง?] โดยไม่มี HUB
Com.1 | ลำดับสาย | Com.2 |
White/Orange | 1 | White/Green |
2 | Green | |
White/Green | 3 | White/Orange |
Blue | 4 | Blue |
White/Blue | 5 | White/Blue |
Green | 6 | |
White/Brown | 7 | White/Brown |
Brown | 8 | Brown |
สรุปคือ Cross สาย 1-3 , 2-6 ,3-1 & 6-2 ส่วนขาอื่นเหมือนเดิม
[2] ต่อจาก Computer ไปยัง HUB
Com. | ลำดับสาย | Hub |
White/Orange | 1 | White/Orange |
2 | ||
White/Green | 3 | White/Green |
Blue | 4 | Blue |
White/Blue | 5 | White/Blue |
Green | 6 | Green |
White/Brown | 7 | White/Brown |
Brown | 8 | Brown |
สรุปไม่ต้อง Cross สายเลย
[หมายเหตุกรณีที่เราต่อใช้ที่ ขั้ว RJ-45 Connector ที่ขั้ว BNC -Connectorก็จะปล่อยว่างไว้ไม่ต้อง ใส่T-Connectorไว้]
การติดตั้ง LAN CARD
ก่อนอื่นที่ต้องทำก็คือ ปิดสวิทช์เครื่องดึงปลั๊กออกแล้วเปิดฝาครอบออกใส่ Lan Cardใน Slot ที่เหมือนกับ Lan Card ให้แน่น[เวลาใส่ให้ใช้แรงพอประมาณเพราะBoard อาจชำรุดได้]
หลังจากใส ่Lan Card เรียบร้อยแล้วก็จะเป็น การSetup[ลงDriver]ซึ่ง Card ที่เป็น Plug&Play ก็จะสะดวกหน่อยเพราะเมื่อเปิดเครื่องๆก็จะเห็น Card เลย และจะมีข้อความบอกให้เราทำ ไปตามขั้นตอนจนเสร็จเรียบร้อยครับแต่ Lan Card บางรุ่น[เก่าหน่อย] การSetupบางครั้งจะ ให้เราระบุค่า IRQ ด้วย ดังนั้นการ Set ค่า IRQให้กับ Lan Card ต้องไม่ให้ไปซ้ำกับ IRQ ของอุปกรณ์ตัวอื่น
ก่อนอื่นที่ต้องทำก็คือ ปิดสวิทช์เครื่องดึงปลั๊กออกแล้วเปิดฝาครอบออกใส่ Lan Cardใน Slot ที่เหมือนกับ Lan Card ให้แน่น[เวลาใส่ให้ใช้แรงพอประมาณเพราะBoard อาจชำรุดได้]
หลังจากใส ่Lan Card เรียบร้อยแล้วก็จะเป็น การSetup[ลงDriver]ซึ่ง Card ที่เป็น Plug&Play ก็จะสะดวกหน่อยเพราะเมื่อเปิดเครื่องๆก็จะเห็น Card เลย และจะมีข้อความบอกให้เราทำ ไปตามขั้นตอนจนเสร็จเรียบร้อยครับแต่ Lan Card บางรุ่น[เก่าหน่อย] การSetupบางครั้งจะ ให้เราระบุค่า IRQ ด้วย ดังนั้นการ Set ค่า IRQให้กับ Lan Card ต้องไม่ให้ไปซ้ำกับ IRQ ของอุปกรณ์ตัวอื่น
หากเราต้องการทราบว่า Computerของเราใช้IRQ กับอุปกรณ์อะไรบ้าง
Click ขวาที่ My Computer ---> Properties--->Click Device Manager--->Double Click ที่ Computer
การจะดูว่า Lan Card ที่ติดตั้งแล้วมีปัญหาหรือไม่
Click ขวา ที่ My Computer เลือก Properties ---> Device Manager
ดูว่า Lan Card ที่เราติดตั้ง มีเครื่องหมาย ! อยู่ข้างหน้าหรือเปล่า ถ้า มี ให้ Remove แล้วSetupใหม่
หมายเหตุ ในขั้นตอนต่างๆ อาจมีการ สั่งให้ Restart หรือ ต้องการแผ่น Cdrom Windowsด้วยครับ
การติดตั้ง TCP/IP Protocol Click ขวาที่ My Computer ---> Properties--->Click Device Manager--->Double Click ที่ Computer
การจะดูว่า Lan Card ที่ติดตั้งแล้วมีปัญหาหรือไม่
Click ขวา ที่ My Computer เลือก Properties ---> Device Manager
ดูว่า Lan Card ที่เราติดตั้ง มีเครื่องหมาย ! อยู่ข้างหน้าหรือเปล่า ถ้า มี ให้ Remove แล้วSetupใหม่
หมายเหตุ ในขั้นตอนต่างๆ อาจมีการ สั่งให้ Restart หรือ ต้องการแผ่น Cdrom Windowsด้วยครับ
ปกติถ้า Com. เราเล่น Internetได้ ก็จะมี TCP/IP Protocol ติดตั้งอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่
Setup Windows ใหม่ อาจยังไม่ได้ติดตั้ง TCP/IP Protocol ไว้
การจะดูว่าเครื่องของเราติดตั้ง TCP/IP Protocol หรือยัง ทำดังนี้ครับ
ที่ Start ---> Setting ---> Control Planel ---> Double Click ที่ Network
ถ้ายังไม่มี Protocol TCP/IP ให้ Click Add
เลือกที่ Protocol แล้ว Click ที่ Add
ที่ Manufacturers เลือก Microsoft และที่ Network Protocols เลือก TCP/IP แล้ว Click OK
หมายเหตุ ในขั้นตอนต่างๆ อาจมีการ สั่งให้ Restart หรือ ต้องการแผ่น Cdrom Windowsด้วยครับ
การติดตั้งค่า IP Address ของ Lan Card
หลังจากทำการติดตั้ง Lan Card ตามคู่มือของ Lan Cardที่ให้มาแล้ว เราก็จะได้
[Clickขวาที่Icon Network Neighborhood บนDesktop ---->Click Properties--->Configuration]
Click ที่ File and Print Sharing [เพื่อทำให้ Computer ใช้ Files และ Printer ร่วมกันได้]
Click เลือกทั้ง 2 ช่อง แล้ว Click OK
Click เลือก TCP/IP ที่มีชื่อ Lan Card ที่เราติดตั้ง แล้ว Click Properties
[หรือ Double Click ที่TCP/IPที่มีชื่อ Lan Card ที่เราติดตั้ง ก็ได้ครับ]
Click เลือก Specify an IP address แล้วใส่ หมายเลขลงในช่อง IP Address และ Subnet Mask แล้ว Click OK
โดย IP Address แต่ละเครื่องต้องไม่ซ้ำกัน เช่น เครื่องที่ 1 เป็น 192.168.0.1 เครื่องที่ 2 เป็น 192.168.0.2
เครื่องที่ 3 เป็น 192.168.0.3ไปเรื่อยๆ แต่ค่า Subnet Maskให้เหมือนกันทุกเครื่อง
ค่าของ IP Address ใช้ค่าอะไรก็ได้ที่อยู่ในช่วงของ Private IP ranges
The private IP ranges that will not be allocated on the Internet are:
10.0.0.0 to 10.255.255.255 Class A
172.16.0.0 to 172.31.255.255 Class B
192.168.0.0 to 192.168.255.255 Class C
Do not choose an IP range that is not on this list. Also note that 0 and 255 are reserved in any class.
แล้วที่สำคัญ อย่าลืม ที่ Workgroup ของทุกเครื่อง ต้องเป็นชื่อเดียวกัน ถ้าเป็นคนละชื่อจะมองไม่เห็นกัน
[Clickขวาที่Icon Network Neighborhood บนDesktop ---->Click Properties---->Identification]
ตอนนี้ถ้าเรา Double Click ที่ Icon Network Neighborhood [บน Desktop] เครื่องควรจะมองเห็นกันแล้วครับ
หรือ เข้าดูที่ Start--->Find--->Computer
Click ที่ Computer
พิมพ์ชื่อเครื่อง Computer ที่ต้องการทดสอบ แล้ว Click ที่ Find Now
ถึงเครื่องจะมองเห็นกันแล้ว แต่การจะใช้ Files , Drives , Printer ร่วมกันได้ เราต้องทำการSharingก่อนครับ
หมายเหตุ ในขั้นตอนต่างๆ อาจมีการ สั่งให้ Restart หรือ ต้องการแผ่น Cdrom Windowsด้วยครับ
การตรวจสอบระบบเครือข่าย TCP/IP Protocol
1. Click ขวา ที่ My Computer เลือก Properties ---> Device Manager
ดูว่า Lan Card ที่เราติดตั้ง มีเครื่องหมาย ! อยู่ข้างหน้าหรือเปล่า ถ้า มี ให้ Remove แล้ว Setupใหม่
2. ที่ MS-DOS Prompt ใช้คำสั่ง winipcfg , ping เพื่อดูข้อมูล และปัญหาการติดต่อระหว่างเครื่อง
winipcfg จะทำให้เราทราบข้อมูลต่างๆ ในระบบ เช่น IP Address , Subnet Mask
การ Ping IP Address ของตัวเอง[ในที่นี้คือ 192.168.0.1] ถ้าไม่มีการตอบกลับ อาจมีปัญหาเกี่ยวกับ Network Card เช่น IRQ , IO Address
การ Ping IP Address ของเครื่องอื่น[เช่น 192.168.0.3] ถ้าไม่มีการตอบกลับ แสดงว่า เครื่อง 192.168.0.3 เสีย หรือ ปิดอยู่
ถ้ามีการตอบกลับก็แสดงว่าปกติ
หรือกรณีอาจมีปัญหากับ สายCable หรือ ขั้ว BNC หลวม คำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบ ความจริงแล้วมีมากกว่านี้ [ดูข้างล่าง] แต่เท่าที่ผมทราบและใช้อยู่มีเท่านี้ครับ
การ Share Printers , Drives , Files , .....
Click ขวา ที่ Icon ของ Printer หรือ Drive หรือ File ที่ต้องการจะ Share กับเครื่องอื่น แล้ว Click เลือก Sharing
Click เลือก Shared As กรอกข้อความตามต้องการ แล้ว Click ที่ Apply และ OK
[ถ้าเราตั้ง Password จะมีผลทำให้ เครื่องที่ต่อเข้ามาจะShareได้ต้องพิมพ์ Password ด้วย]
หลังจากนั้นที่ Folder ของ Printer หรือ Drive , ....จะมีรูปมือ บนFolder นั้นๆ
ในทุกเครื่องที่ต้องการให้เครื่องอื่นมองเห็น ต้องทำ Sharing ด้วย ทีนี้ลอง Double Click ที่ Network Neighborhood ของทุกเครื่อง
ลอง Double Click เครื่องที่ชื่อ Compaq และ Upper
แสดงว่าเครื่อง Compaq ยอมให้ Share คือ Drive C และ D
เครื่อง Upper ยอมให้ Share คือ Drive D , E และ Printer
ในกรณีนี้ Printer ติดตั้งอยู่กับเครื่องที่ชื่อ Upper ถ้าเครื่อง Compaq จะใช้Printerร่วมด้วย จะต้องลง Driverของ Printer hp ที่เครื่อง Compaq ด้วย โดย การ Double Click ที่ Icon Printer hp
แล้วทำตามขั้นตอนไปเรื่อยๆจนจบครับ
หมายเหตุ ในขั้นตอนต่างๆ อาจมีการ สั่งให้ Restart หรือ ต้องการแผ่น Cdrom Windowsด้วยครับ